ภมรมาศราชา ของพ่อครูสิทธา พญาแมงภู่ทอง


ภมรมาศราชา ของพ่อครูสิทธา พญาแมงภู่ทอง 


ရှေပျားပုဒူမင်း  / ရှေပျားပိတုန်းမင်းကြီး

ရှေပျားပုဒူမင်း
(ฉ่วย ปะโดวปะยา มิเย้น  = พญาแมงภู่ทอง)

ရှေ  ฉ่วย=ทองคำ
ပျား ปะยา  = แมงภู่
ပုဒူ  ปะโดง =ไม้ปะดู่
မင်း เมียน/มิเยน  = ราชา

ရှေပျားပိတုန်းမင်းကြီး
(ฉ่วย ปะเยปิ ตูนะ มิเยฺน คยี)

ရှေ     ฉ่วย = ทองคำ
ပျားပိ  ปิแย = แมงภู่
တုန်း  ปะโดว = ไม้ประดู่
မင်းကြီး มีเยน คยี  = ราชา

มงคลวัตถุรุ่นแรก ของพระฤาษีสิทธาการิยะเทพมุณีดาบส เสกไว้ให้ระลึกในการเดินทางปลุกเสก ๒ แผ่นดิน ไทย/พม่าและไทยใหญ่

เลยขอให้นามตามนิมิตรว่า

ภุมรมาศราชา หรือ พญาแมงภู่ทอง


ล้อเกวียนไม้ประดู่แดงแกะรูปภุมรา

นำปรอทกรอกแล้วอุดด้วยชันโรงรอบพระอุโบสถ




“ พญาแมงภู่ทอง" สายล้านน-พม่า -ไทยใหญ่
เรียกว่าต้องยกให้ในชื่อ" แมลงสายอิทธิฤทธิ์ " มีอิทธิฤทธิ์มากมายนัก

เป็นคู่บารมีของ บายิ่นเน่าว์ หรือ บุเรงนอง ที่พ่อครูโพ่โพ่อ่อง ผู้เป็นอาจารย์ได้ สร้างพญาแมงภู่ทองนี้ไว้ให้ค้ำราชบัลลังก์มหาเศวตรฉัตรกระเดื่องเดชเกียงไกรไปทั่วทศทิศา กล่าวกันว่าเมื่อทรงนั่งบัญชาการสั่งให้ไปรบที่ไหนก็ชนะได้มาทั่วทั้งสิบทิศ

ในสายตำราพม่า ยกย่องพญาแมงภู่ทอง ว่าศักดิ์สิทธิ์นัก ได้รับรัศมีทิพย์นพโอภาส(รัศมีทั้งเก้า)
จากพระพุทธเจ้า เมื่อในครั้งที่ขณะกำลังจะตรัสรู้บรรลุอนุตรธรรม เพราะบรรดาแมงภู่บินผ่านพระรัศมีขณะที่ทรงตรัสรู้ เหล่าบรรดาพญาแมงภู่ทองก็พากันบินไปยังป่าหิมพานต์ นำดอก(กาสลอง) ทิพย์มารองรัตนบัลลังก์ ถวายเป็นพุทธบูชา

พระพุทธองค์จึงได้ตรัสเปล่งพุทธวาจาประสาทพร แก่แมงภู่ว่า

“แมลงที่ประเสริฐ (ต่อไปภายภาคหน้าจะ..)เป็นราชาของแมลงทั้งหลาย ”

สมัยโบราณบนแผ่นดินพม่า-ไทยใหญ่-และล้านนา เหล่า กษัตริย์ คหบดี ขุนนาง จะต้องพกพกพญาแมงภู่ทองติดไว้กับตัว และบูชาด้วยดอกปีบ(กาสลอง)หรือดอกไม้ขาว พร้อมทั้งน้ำหนึ่งแก้ว และไม้จันทร์หอม

เพราะอำนาจของ “พญาแมงภู่ทอง” จะทำให้ เกิดเสน่ห์เมตตามหานิยมคนเมตตาด้วยประการ๑

¤ มีอยู่ มีกิน มีโชค มีเงิน มีทอง มีเงินใช้ไม่ขาดมือประการ ๑

¤ป้องกันภยันตรายทั้งปวงได้วิเศษนักประการ ๑
กันคุณไสยมนต์ดำประการ ๑

¤ป้องกันโจรภัย  เดินทางใกล้ไกล กันภูตผีและผู้คิดร้าย ประการ ๑

¤เป็นที่รักของมนุษย์และเทวดาการประการ ๑
แม่ค้าทำมาค้าขายระหว่างเมือง ซื้อง่ายขายคล่องประการ ๑

¤เด็กเล็กๆในพม่า พกแมงภู่ ปกป้องคุ้มครองกันภัย ที่จะกระทำต่อเด็กเล็กๆประการ ๑

¤หากมีวาสนาถึงคราวเคราะห์หนักจักลดลงกึ่งหนึ่งประการ๑

¤เดินทางไกลใกล้ก็จะปลอดภัยจากศรัตรูหมู่มาร เป็นที่เกรงขามแก่อริและปีศาจ ประการ๑

¤ภาวนาคาถาว่า "จะ โล โก จะ วะ ปะ ตะ สะ" ให้ระลึกถึงภายภาคหน้าจะบุญเคยทำไว้มากน้อยประการได้สมประสงค์ ประการ๑

¤ใช้ล้างอาถรรพ์ร้าย ทำน้ำมนต์อาบกันบาปจากนิมิตรประการ๑

¤พกติดตัวไม่คิดชั่วทำดี สร้างกุศล จะได้เป็นใหญ่ในหมู่ชน ประการ๑

¤วันพระ วันผัด(พฤหัส) วันติ๊ด(อาทิตย์) ให้บูชาด้วยดอกกาสลอง(ดอกปีบ) น้ำหนึ่งแก้ว
และท่อนจันทน์หอม(**เฉพาะพระใหญ่)
เป็นประจำ เก็บรักษาแไว้ร้อยปีก็ไม่มีวันเสื่อมคลาย

อุปเท่ห์กล่าววิธีใช้ไว้หลากหลาย

¤ หากให้เป็นเสน่ห์เมตตาทางกายยา ให้เอาน้ำที่ให้แมงภู่บูชาอยู่นั้น มาฝนกับจันทน์หอมที่สักการะ  ฝนทำน้ำมนต์อาบจะเป็นเสน่ห์เมตตา

¤ให้บูชาด้วยไม้ทั้งเก้า ได้แก่ สะกวา(ไม่จำปา)
หนั่นต่าอะหนี่ผิว (จันทน์ขาวและแดง)
อะโจ จามปา กาละเม็ด (อันนี้ผู้เขียนยังแปลไม่ได้ )
ปุซา (มะยม)  กลัมพัก ขอนดอก ชะลูด ดอกคำฝอย  ฝางเสน บูชาด้วยดังนี้
  ●สะกวา(ไม่จำปา)  ในวันพระใหญ่ที่ตรงกับวัน อาทิตย์ ให้น้ำ ข้าวและ ดอกปีบ(กาสลอง)
  ●หนั่นต่าอะหนี่ผิว (จันทน์ขาวและแดง)  ในวันพระใหญ่ที่ตรงกับ วันจันทน์ กลางวันคืนจันท์ขาว กลางคืนคืนจันทน์แดง  *** คืนที่เป็นคลาสก็จันทน์แดงด้วย
  ●อะโจ จามปา กาละเม็ด (อันนี้ผู้เขียนยังแปลไม่ได้ )
ให้บูชาในวันพระใหญ่ ที่เป็นวันใดก็ได้
  ●ปุซา (มะยม)  ให้บูชาในวันพระที่ตรงกับวันเสาร์
  ●กะลัมพัก ให้บูชาในวันพระที่ตรงกับวันพุธเพ็ญ วันพระข้างขี้นที่ตรงกับวันพุธ

  ●ขอนดอก ให้บูชาในวันพระใหญ่ที่ตรงกับวันพระ8ค่ำข้าง
  ●แรมชะลูด  ให้บูชาในวันพระใหญ่ที่ตรงกับแรม 15 ค่ำ
  ●ดอกคำฝอย  ให้บูชาในคืนวันพระที่ตรงกับวันฝนตก
  ●ฝางเสน ให้บูชาในวันขึ้น8ค่ำ

แล้วเก็บแยกไว้ เถิด หรือบูชาซ้ำให้ครบสัก 8 รอบเป็นประการ

ใช้ได้สารพันด้วยดังนี้

..............................................................................

   พญาแมงภู่ทอง  ...สุดวิชาสายเครื่องรางของขลัง เครื่องรางมหาเสน่ห์ สายไตม่าน (ไทยใหญ่และพม่า)

...ตามตำราการสร้าง ผู้ที่สร้างพญาแมงภู่ทองได้ หากปลุกเสกต้องสำเร็จภูมิธรรมทั้ง ๘ เดินฌาณสมาบัติ เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขในไต(ไทยใหญ่) ม่าน(พม่า) หรือล้านนา และเป็นเชื้อสายเจ้าเท่านั้น
จึงจะสามารถสร้างได้ขลังแรงดังต้นตำรับเหมือนสมัยพระเจ้าบุเรงนอง

พ่อครูฤาษีสิทธา ท่านมีคุณสมบัติเหล่านี้ ด้วยเหตุสืบสายวิชาครูพม่า ของบรมครูโปด่อปิว
และท่านมีนามสกุลเกี่ยวข้องทางเจ้านายฝ่ายเหนือ





จึงมีนิมิตให้สร้างพญาแมงภู่ทอง ขึ้นเป็นครั้งแรกในชีวิต
เมื่อครั้งไปพยาจี (วัดพระมหามัยมุณี มัณฑเลย์) เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา




ได้เกิดนิมิตรภาพแมงภู่บินวนรอบองค์พระ
แล้วบินมาหาบรมครูโปด่อปิวกลาบเป็นดอกปีบ 
และได้ยื่นใส่มือให้


 พญาแมงภู่ทอง เชื่อว่ามีชีวิตทรงคุณวิเศษ  ใครมีครอบครองไว้ถือว่าบุญจะหนุนนำในภายภาคหน้า

• ใครตาดีมีสมาธิ เพ่งมองด้วยทิพยจักษุ  จะมองเห็นรัศมีสลับหมุนเวียนไปมา รู้ได้เลยว่ามหาเสน่ห์ เรียกเพศตรงข้ามให้เข้ามาหา หอบผ้าผ่อน หอบเงินหอบทองมาให้ ก็ยังได้

• แมงภู่สามารถเจาะแก่นไม้แข็งๆได้สบาย ครูบา อาจารย์จึงเสกแมงภู่ถือ เคล็ดว่า “ ต่อให้ใจมนุษย์แข็งสักเท่าไรก็มิอาจต้านทานแมงภู่คำนี้ได้ โดนแมงภู่เจาะทะลุใจคนไป  ”

• ชนะสิ่งชั่วร้ายทั้งปวงและเป็นมงคลยิ่งนักแล..มีพลังด้านคุ้มครอง กันภูตผี ปีศาจได้ กันคุณไสยได้ เดินทางก็คุ้มครองให้ปลอดภัยได้

• แมงภู่ บินเหนือแมลงทั้งปวง เปรียบดังอยู่ยอดคน ช่วยให้ตำแหน่งหน้าที่การงานเจริญเติบโต มียศยิ่งใหญ่ ทำการใหญ่สำเร็จ เจ้านายดึง ลูกน้องหนุน เจริญก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ และ ธุรกิจการงาน แมงภู่คำนี้ ช่วยได้สบายนัก

• ผู้ที่มีใจใฝ่ทางด้านการเสี่ยงโชค เล่นหวย รวยโป แสวงหาลาภ มีลาภเข้ามามาก ลักษณะแมลงภู่เมื่อโจมตีแล้วตรงเป้า ช่วยบันดาลให้พบเจอ ตรงกับลาภผลนั้นๆ จึงไม่แปลกที่มีคนพกแมงภู่คำไปเข้าบ่อนให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ

• แมลงภู่ บินส่งเสียง “หึ่งๆ” จะมาพร้อมชื่อเสียงเกียรติยศ ใครอยากโด่งดังมีชื่อเสียง ต้องพกแมลงภู่ นักพูด นัก เจรจา ดารา นักร้อง นักแสดง  นักขาย (ที่ต้องหายอดลูกค้า) จะชนะใจ เด่นดังกว่าใครๆ

•แมงภู่ตัวใหญ่กว่าแมลงทั้งปวง เก็บของไปได้ใหญ่กว่าตัวเอง จะทำให้หาได้มากเกินตัวเอง ไปหาแบบตัวเปล่า ก็ได้มา

ในสายคติทางไทยใหญ่

เครื่องรางแบบนี้ ได้ถูกนำมาใช้ แต่สมัย ท่าน บุเรงนอง และมีบันทึก ไทยใหญ่ ไว้ว่า เมื่อยามศึกสงครามพม่าได้ใช้ศาสตร์นี้เสก แมลงภู่ที่อาถรรพ์นี้ ใช้เป็นอุปเท่เล่ห์กลในยามศึกต่างว่ากันเสกให้เป็นฝูงผึ้ง ฝูงต่อ-แตนได้ไปทำร้ายคู่ต่อสู้อีกฝ่ายให้เจ็บป่วย แล้วช่วงชิงบุก เอาชัยชนะ เป็นต้นมา

และหลายๆท่านบอกชาวบ้านชายแดนใช้พกห้อยติดตัว บ้างก็แขวนไว้ในหน้าประตูบ้านฝั่งในบ้าน

บ้างก็พ่อค้า แม่ขาย ใช้แขวนไว้ในร้านค้า ของตน ต่างมีความเชื่อกัน ในเรื่อง ปกป้องกันภัย บ้างกันผูตผีปีศาจร้าย บ้างกันของคุณไสยเข้าตัว ค้าแม่นขายหมานต่างๆ นานา

มีผู้เฒ่าแก่หลายท่าน ตามชายแดน
บอกว่า"แมงปู้กำโหล๋ง" นี้ไม่ธรรมดา แต่ก่อนในยุค สมัยนั้นได้สร้าง จากวัสดุที่วิเศษมาก

เครื่องรางนี้ทั้งนั้น การปลุกเสก จากสอบถาม ผู้เฒ่าผู้แก่ในรุ่นโบราณ บ้างก็ว่ากันมาหลายอย่างด้วยกัน เช่นปรอทจะเป็น"เม็ดทอง" อยู่ 3เม็ด แล้วเสก"เม็ดทอง"เข้าท้อง แล้วเสกให้บิน ตัวไหนบินได้ ก็เป็นอันใช้ได้

ต่อมาได้เสกเป็น"ปรอท" โดย เชื่อกันว่า ให้ "แมงปู๊" กินปรอทเข้าท้อง ก็เป็นอันใช้ได้

ทางวิชาการก็ว่า แกะแล้วนำปรอทใส่ท้องแล้วอุดด้วย มะเขือบ้า และในบางตัว ได้มีการลงรักทับไว้

เชื่อกันว่า ผู้ปลุกเสกเป็นฤาษีบ้าง ผู้ทรงวิชาไสยเวทบ้าง ต่างๆนานาไป

วัสดุ ที่จำมาสร้าง เช่น ..

1. เนื้อหินแกะ
2.เนื้อดินปั้นอาถรรพ์
3.ไม้เนื้อหอม (เป็นไม้ที่พม่ามักนำมาสกัดเป็นเครื่องหอม)
4.เนื้อไม้จากดุมเกวียน(ไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้เต็ง ไม้รัง ไม้แดง ไม้สัก เป็นต้น )
5.เนื้องาช้างแกะ (งากระเด็น งาหักคาต้นไม้ เป็นต้น)
6.เนื้อเขากวาง
7.เนื้อ อื่นๆ ที่อาถรรพ์ เป็นต้น เช่นโลหะ

แมงภู่นี้ จัดให้มีคุณ เด่น หลายๆด้าน..เช่น

1.ป้องกันภัยจากภูตผีปีศาจ

2.ป้องกันโจร

3.ป้องกันภัยจากคุณไสย

4.เสริมอำนาจวาสนา

5.ค้าแม่นขายหมาน (ค้าขายดี)

6.คนรักคนหลง

7.เป็นเสน่ห์ต่อเพศต่อข้าม

8.เป็นที่รักต่อคนและเทวดา

......ปัจจุบันแมลงภู่ยังมีการสร้าง ตลอดเรื่อยมา ........

แมงภู่คำหลวง เป็นรุ่นแรก ที่จัดสร้างแสนวิเศษอัศจรรย์ มีคุณอนันต์ นอกจากได้ของดีที่สุดในสายล้านนา-พม่าแล้ว

รายได้ส่วนหนึ่งจะนำไปสร้างและซ่อมแซมบูรณะ มหาเจดีย์เหม่ยาส่า(ของสายโปด่อปิว)
ในความดูแลของวัดฉ่วยหม่อต่อ ฉ่วยหม่อเพี้ยน พญาเลกงหยั่ว หมู่บ้าน(ติ๊ดเถ้าหยั่ว)  ปะกัน  พุกาม
ประเทศพม่า

เป็นวัดที่พ่อครูจะไปพัฒนา  ณ ที่นี่

ขอบคุณข้อมูลจากศิษย์สายไมงทยใหญ่ ครูบาออ
ข้อมูลจากคุณ biggun เว็บพระล้านนา
ขอบคุณข้อมูล แมงภู่สายพม่า และภาษาแปลพม่า พ่อครูฤาษีสิทธาดาบส

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สุระสะตีคือใคร ทำไมวงการไสยศาสตร์พม่ากล่าวถึงกันมาก

ที่มาของบรมครูไสยศาสตร์แห่งเมืองม่าน โปด่อปิว

เปิดประวัติ เครื่องรางล้านนาและพม่า แมงภู่คำ