มหาว่านยาคืออะไร ทำไมผู้ทรงเวทย์ถึงไขว่คว้าเสาะหามาครอบครองกัน
มหาว่านยาคืออะไร ทำไมผู้ทรงเวทย์ถึงไขว่คว้าเสาะหามาครอบครองกัน
ที่ผมตั้งเนื้อเรื่องนี้ก็ไม่ผิด เพราะเป็นเรื่องจริงจังครับ ไม่ใช่แค่เพียงผู้ทรงเวทย์วิทยาคมเพียงอย่างเดียว แม้แต่ผู้ที่เริ่มศึกษาปฏิบัติที่เรียกว่าแค่ขั้นลูกศิษย์นับถือก็ล้วนแต่เสาะแสวงหามาครอบครองกันแล้ว
ผมหมายถึงผู้รู้จริงนะครับ คนที่รู้จริงเท่านั้นเพราะอะไรนะเหรอคนไม่รู้เขาจะเอามาทำมะเขืออะไรหล่ะ
ที่ที่รู้เขาเคยสัมผัสได้ ในคุณวิเศษอย่างบอกไม่ถูก
ผมใช้นิยามคำว่ามหาว่านยา คือราชาแห่งวัตถุมงคลก็ว่าได้ เพราะราคาค่อนข้างสูง เรียกว่าสูงสุดในบรรดาวัตถุมงคลที่มีบนแผ่นดินเลยเชียวแหล่ะ
ไม่ใช่กระจอกงอกง่อยนะเออ
เริ่มมาคุยกันดีกว่าว่า แล้ว มหาว่านยา เขาเรียกว่าอะไร ทำไมถึงเรียกว่ามหาว่านยา
บอกตรงๆ เลยครับ เพราะเขาคือยา ที่ยิ่งใหญ่กว่ายา ก็คือ ยา จริงๆ นี่แหล่ะ แต่เป็นกระบวนการของสมุนไพร โดยหลักการแพทย์แผนโบราณของพม่า
สมัยโบราณที่ยังมีความเขื่อเรื่องภูตผีปีศาจ ตลอดทั้งเวทย์มนต์อาคมของพม่า อยู่นั่น ชีวิตของชุมชนที่มีอารยธรรมแบบโบราณคือมีความเชื่อ ศาสตร์ วิชาอาคม และเวทย์มนต์คาถาที่ควบคู่กันไป วิถีชีวิตที่ต่างดำเนินบนโลกเพื่อความอยู่รอดและดำรงอยู่ได้ ก็หนีไม่พ้นปัจจัยสี่ครับ อาหาร บ้านเรือน เสื้อผ้า ยารักษาโรค
ประเด็นหลังนี่สำคัญ เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยในยุคที่ความเจริญยังไม่พัฒนาโอกาสรอดน้อย ก็ล้วนแต่ต้องพึ่งหมอสมุนไพร แต่วัฒนธรรมการแพทย์ในยุคนั้น ประกอบไปด้วยความเชื่อและไสยศาสตร์ที่ปะปนอยู่ประกอบไปด้วยเรื่องเวทย์มนต์และผีสาง มาในยุคปัจจุบันนี้ ความเชื่อเรื่องนี้ก็ก็ยังไม่พ้นไปจากสังคม ต่อให้ประเทศที่พัฒนาแล้วก็เหอะ มีทุกยุคทุกสมัยหล่ะแหล่ะ
เรามาเข้าเรื่องกันต่อครับ แล้วทำไมที่ผมพูดว่า ไสยศาตร์กับการแพทย์แผนโบราณนั้นควบคู่กับ
เพราะมหา ว่านยานั้น เชื่อกันว่าเข้ามาจากการแพทย์อินเดีย ที่เรียกว่าอายุรเวชแผนอินเดียเลยแหล่ะ
แล้วเกี่ยวอะไรกับมหาว่านยาครับ ที่จะกล่าวไปต่อนี้ คือมีผู้วิเศษท่านหนึ่งที่เชื่อกันว่าเป็นผู้สำเร็จมาเกือบสองพันปีแล้วและก็ยังมีชีวิตอยู่ที่นักไสยเวทย์ในพม่าเคารพนับถือกันมาก คือท่านพู่พู่อ่อง ในสายวิชาของนักอาคมเชื่อกันว่าท่านมาจากอินเดีย
ก็ไม่แปลกครับเพราะแผ่นดินพม่าติดอินเดียเรียกว่าเดินไปมาหาสู่กันได้ แม้แต่ชาวพม่าเองเกิน50%ในประเทศก็มาจากเชื้อสายอินเดีย เช่นเดียวกัน รวมกระทั่งนักปฏิบัติธรรมชื่อดัง ยกตัวอย่างเช่น ท่านโกเอนก้าเป็นต้น
พม่ากับแขกไม่ะเลาะกันครับ เข้ากันได้ดีเชียวแหล่ะทั้งภาษา วัฒนธรรม อาหารการกิน ก็ละม้ายคล้ายกันเลยทีเดียวเชียว
สมัยโบราณ แผ่นดินเชื่อมถึงกันครับ ชุมชนเป็นตัวกั้นเขตโดยมีป่าที่เล่าลือกันว่ามีเสือร้ายและภูติผีเป็นกำแพงกัน แต่การค้าขายไปมาหาสู่กันบนเส้นทางสายเหนือใต้ก็ไม่ได้ไกลกันเยอะ ในยุคที่พุทธศาสนาเข้ามาพร้อมกับอารยะธรรมของอินเดีย กับชนชาวพม่า เรียกว่ายุคพุทธศตวรรษ9เท่านั้นเอง
แต่มีการวิเคราะห์กันโดยชาวพม่าหากพูดถึง บรมครูที่เชื่อกันว่าเป็นผู้วิเศษท่านนี้ มีอายุหลังจากพระพุทธเจ้าดับขันธปรินิพานได้ห้าร้อยปี ก็มีการปรากฏตัวของท่านพร้อมกับเรื่องเล่ามากมายบนแผ่นดินพม่า พร้อมการการปรากฏตัวตามนิทานต่างๆ ของพื้นบ้านอีกมากมาย
เชื่อกันว่า ท่านเป็นเจ้าของตำรามหาโอสถที่วิเศษ รวมทั้งคัมภีร์ที่กล่าวอ้างถึง ท่านโพ่หมิ่นข่องผู้วิเศษแห่งเขาโปปา(คือท่านไปบูรณะที่นั่นน่ะเล่ากันว่าหลังจากสำเร็จแล้วท่านก็มุ่งสู่โปปาแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาบูรณะโดยกล่าวกันว่าไม่ทราบเหตุผล)
คือคัมภีร์ที่เล่ากันว่า ผู้วิเศษท่านนี้อ่านกลับหลังแล้วเข้าใจ
ต้นกำเนิดแห่งมหาว่านยา เริ่มต้นมาจากท่านโพ่โพ่อ่องนี่แหล่ะครับ ในตำนานเล่าว่าท่านมาในยุคนั้นและปรากฏตัวในหลายเหตุการณ์สำคัญมากมาย พร้อมกับการปรากฏตัวในครั้งที่สรรพวิชาการแพทย์แผนโบราณของพม่า รุ่งเรื่องถึงขีดสุด
กล่าวกันว่ามีตำนานมากมายเกี่ยวกับคัมภีร์ที่ท่านพู่พู่อ่องเขียนไว้โดยเฉพาะตำรายาวิเศษมากมาย แต่ก็ไม่มีใครเคยเห็นท่านปรุง หรือสร้างยานั้น หรือเห็นตัวยานั้นเลย การช่วยคนให้หายเจ็บไข้ได้ป่วย ด้วยอำนาจวิเศษหรือยาทิพย์ที่ไม่มีคนกล่าวว่าได้เห็นยา แต่ก็หายได้อย่างน่าอัศจรรย์
ในตำราการสร้างหรือปรุงยานั้นมีการประกอบด้วยอาคมตามหลักการณ์ของผู้วิเศษเป็นธรรมดา ที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีการแพทย์แผนโบราณไปพร้อมกับกับท่านพู่พู่อ่อง หรืออาจจะเป็นตวามตั้งใจของที่ที่จะมาในช่วงนั้นเพราะไม่ต้องการให้คนผิดสังเกตุในความเป็นผู้วิเศษของท่าน
กล่าวกันว่าตำราของท่านพู่พู่อ่องนั้น มีกระบวนเดียวกันกับหลักการแพทย์แผนโบราณในยุคนั้น คือ ฤกษ์ยามที่กำหนด เวทมนต์คาถา และหลักของสมุนไพร
ว่ากันว่า หมอทำยา
ผู้ทรงเวทก็ทำยา
มีเป้าหมายเดียวกัน ต่างกันแค่คนทำเท่านั้นเอง จนทุกวันนี้ เรียกว่า แยกกันไม่ออกกลมกลืนไปเป็นเนื้อเดียวกัน เพราะหมอก็กลายเป็นผู้ทรงเวทย์ ผู้ทรงเวทย์ก็กลายเป็นหมอ ตลกดี แต่ผมก็ชอบ
การสืบตำราของท่าน โพ่โพ่อ่อง หรือพู่พู่อ่อง ก็ยังมีการคัดลอกสืบกันมา แต่อ่านเข้าใจยาก
อันนี้ผู้เขียนยังไม่เคยเห็น เพราะบรรณารักษ์บอกว่าถ้าอ่านเข้าใจง่ายก็คงไม่ใช่ของผู้วิเศษแล้วหล่ะ
ทำไมมหาว่านยาที่ใช้รักษาคนให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ กล่าวกันว่าประโยคสำคัญที่ว่า เอายานี้ไปด้วย เข้าป่าไปจะปลอดภัย จุดประสงค์เพราะเผื่อไว้ใช้ยาจำเป็นยามเกิดเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา
ด้วยอำนาจของพระเวทย์ที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่เพียงรักษาโรคร้าย แต่ยังช่วยในการรักษาชีวิตให้ปลอดภัยอีกด้วย
พกตัดตัวไปเผื่อไข้ได้กิน แต่ไม่ทันได้กินก็ปลอดภัย
จริงๆ มีอะไรอีกหลายอย่างที่กล่าวอีกไม่หมด เอาบนความนี้ยกไว้เป็นตอนที่ 1 ก่อนหล่ะดีไหม
อารมณ์ดีๆจะมาเล่าให้ฟังใหม่ ตอนสอง เรื่องเส่ต่อ ဆေးတော်
ที่ผมตั้งเนื้อเรื่องนี้ก็ไม่ผิด เพราะเป็นเรื่องจริงจังครับ ไม่ใช่แค่เพียงผู้ทรงเวทย์วิทยาคมเพียงอย่างเดียว แม้แต่ผู้ที่เริ่มศึกษาปฏิบัติที่เรียกว่าแค่ขั้นลูกศิษย์นับถือก็ล้วนแต่เสาะแสวงหามาครอบครองกันแล้ว
ผมหมายถึงผู้รู้จริงนะครับ คนที่รู้จริงเท่านั้นเพราะอะไรนะเหรอคนไม่รู้เขาจะเอามาทำมะเขืออะไรหล่ะ
ที่ที่รู้เขาเคยสัมผัสได้ ในคุณวิเศษอย่างบอกไม่ถูก
ผมใช้นิยามคำว่ามหาว่านยา คือราชาแห่งวัตถุมงคลก็ว่าได้ เพราะราคาค่อนข้างสูง เรียกว่าสูงสุดในบรรดาวัตถุมงคลที่มีบนแผ่นดินเลยเชียวแหล่ะ
ไม่ใช่กระจอกงอกง่อยนะเออ
เริ่มมาคุยกันดีกว่าว่า แล้ว มหาว่านยา เขาเรียกว่าอะไร ทำไมถึงเรียกว่ามหาว่านยา
บอกตรงๆ เลยครับ เพราะเขาคือยา ที่ยิ่งใหญ่กว่ายา ก็คือ ยา จริงๆ นี่แหล่ะ แต่เป็นกระบวนการของสมุนไพร โดยหลักการแพทย์แผนโบราณของพม่า
สมัยโบราณที่ยังมีความเขื่อเรื่องภูตผีปีศาจ ตลอดทั้งเวทย์มนต์อาคมของพม่า อยู่นั่น ชีวิตของชุมชนที่มีอารยธรรมแบบโบราณคือมีความเชื่อ ศาสตร์ วิชาอาคม และเวทย์มนต์คาถาที่ควบคู่กันไป วิถีชีวิตที่ต่างดำเนินบนโลกเพื่อความอยู่รอดและดำรงอยู่ได้ ก็หนีไม่พ้นปัจจัยสี่ครับ อาหาร บ้านเรือน เสื้อผ้า ยารักษาโรค
ประเด็นหลังนี่สำคัญ เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยในยุคที่ความเจริญยังไม่พัฒนาโอกาสรอดน้อย ก็ล้วนแต่ต้องพึ่งหมอสมุนไพร แต่วัฒนธรรมการแพทย์ในยุคนั้น ประกอบไปด้วยความเชื่อและไสยศาสตร์ที่ปะปนอยู่ประกอบไปด้วยเรื่องเวทย์มนต์และผีสาง มาในยุคปัจจุบันนี้ ความเชื่อเรื่องนี้ก็ก็ยังไม่พ้นไปจากสังคม ต่อให้ประเทศที่พัฒนาแล้วก็เหอะ มีทุกยุคทุกสมัยหล่ะแหล่ะ
เรามาเข้าเรื่องกันต่อครับ แล้วทำไมที่ผมพูดว่า ไสยศาตร์กับการแพทย์แผนโบราณนั้นควบคู่กับ
เพราะมหา ว่านยานั้น เชื่อกันว่าเข้ามาจากการแพทย์อินเดีย ที่เรียกว่าอายุรเวชแผนอินเดียเลยแหล่ะ
แล้วเกี่ยวอะไรกับมหาว่านยาครับ ที่จะกล่าวไปต่อนี้ คือมีผู้วิเศษท่านหนึ่งที่เชื่อกันว่าเป็นผู้สำเร็จมาเกือบสองพันปีแล้วและก็ยังมีชีวิตอยู่ที่นักไสยเวทย์ในพม่าเคารพนับถือกันมาก คือท่านพู่พู่อ่อง ในสายวิชาของนักอาคมเชื่อกันว่าท่านมาจากอินเดีย
![]() |
บรมครูโพ่โพ่อ่อง |
ก็ไม่แปลกครับเพราะแผ่นดินพม่าติดอินเดียเรียกว่าเดินไปมาหาสู่กันได้ แม้แต่ชาวพม่าเองเกิน50%ในประเทศก็มาจากเชื้อสายอินเดีย เช่นเดียวกัน รวมกระทั่งนักปฏิบัติธรรมชื่อดัง ยกตัวอย่างเช่น ท่านโกเอนก้าเป็นต้น
![]() |
ท่านโกเอ็นก้านักปฏิบัติที่มีชื่อเสียงในประเทศพม่า |
พม่ากับแขกไม่ะเลาะกันครับ เข้ากันได้ดีเชียวแหล่ะทั้งภาษา วัฒนธรรม อาหารการกิน ก็ละม้ายคล้ายกันเลยทีเดียวเชียว
สมัยโบราณ แผ่นดินเชื่อมถึงกันครับ ชุมชนเป็นตัวกั้นเขตโดยมีป่าที่เล่าลือกันว่ามีเสือร้ายและภูติผีเป็นกำแพงกัน แต่การค้าขายไปมาหาสู่กันบนเส้นทางสายเหนือใต้ก็ไม่ได้ไกลกันเยอะ ในยุคที่พุทธศาสนาเข้ามาพร้อมกับอารยะธรรมของอินเดีย กับชนชาวพม่า เรียกว่ายุคพุทธศตวรรษ9เท่านั้นเอง
แต่มีการวิเคราะห์กันโดยชาวพม่าหากพูดถึง บรมครูที่เชื่อกันว่าเป็นผู้วิเศษท่านนี้ มีอายุหลังจากพระพุทธเจ้าดับขันธปรินิพานได้ห้าร้อยปี ก็มีการปรากฏตัวของท่านพร้อมกับเรื่องเล่ามากมายบนแผ่นดินพม่า พร้อมการการปรากฏตัวตามนิทานต่างๆ ของพื้นบ้านอีกมากมาย
![]() |
พู่พู่อ่องถือตำราและยาวิเศษช่วยเหลือบ้าน |
เชื่อกันว่า ท่านเป็นเจ้าของตำรามหาโอสถที่วิเศษ รวมทั้งคัมภีร์ที่กล่าวอ้างถึง ท่านโพ่หมิ่นข่องผู้วิเศษแห่งเขาโปปา(คือท่านไปบูรณะที่นั่นน่ะเล่ากันว่าหลังจากสำเร็จแล้วท่านก็มุ่งสู่โปปาแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาบูรณะโดยกล่าวกันว่าไม่ทราบเหตุผล)
คือคัมภีร์ที่เล่ากันว่า ผู้วิเศษท่านนี้อ่านกลับหลังแล้วเข้าใจ
![]() |
ซ้ายบรมครูโพโพอ่อง ขวาท่านโปหมิ่นข่อง |
ต้นกำเนิดแห่งมหาว่านยา เริ่มต้นมาจากท่านโพ่โพ่อ่องนี่แหล่ะครับ ในตำนานเล่าว่าท่านมาในยุคนั้นและปรากฏตัวในหลายเหตุการณ์สำคัญมากมาย พร้อมกับการปรากฏตัวในครั้งที่สรรพวิชาการแพทย์แผนโบราณของพม่า รุ่งเรื่องถึงขีดสุด
กล่าวกันว่ามีตำนานมากมายเกี่ยวกับคัมภีร์ที่ท่านพู่พู่อ่องเขียนไว้โดยเฉพาะตำรายาวิเศษมากมาย แต่ก็ไม่มีใครเคยเห็นท่านปรุง หรือสร้างยานั้น หรือเห็นตัวยานั้นเลย การช่วยคนให้หายเจ็บไข้ได้ป่วย ด้วยอำนาจวิเศษหรือยาทิพย์ที่ไม่มีคนกล่าวว่าได้เห็นยา แต่ก็หายได้อย่างน่าอัศจรรย์
ในตำราการสร้างหรือปรุงยานั้นมีการประกอบด้วยอาคมตามหลักการณ์ของผู้วิเศษเป็นธรรมดา ที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีการแพทย์แผนโบราณไปพร้อมกับกับท่านพู่พู่อ่อง หรืออาจจะเป็นตวามตั้งใจของที่ที่จะมาในช่วงนั้นเพราะไม่ต้องการให้คนผิดสังเกตุในความเป็นผู้วิเศษของท่าน
กล่าวกันว่าตำราของท่านพู่พู่อ่องนั้น มีกระบวนเดียวกันกับหลักการแพทย์แผนโบราณในยุคนั้น คือ ฤกษ์ยามที่กำหนด เวทมนต์คาถา และหลักของสมุนไพร
ว่ากันว่า หมอทำยา
ผู้ทรงเวทก็ทำยา
มีเป้าหมายเดียวกัน ต่างกันแค่คนทำเท่านั้นเอง จนทุกวันนี้ เรียกว่า แยกกันไม่ออกกลมกลืนไปเป็นเนื้อเดียวกัน เพราะหมอก็กลายเป็นผู้ทรงเวทย์ ผู้ทรงเวทย์ก็กลายเป็นหมอ ตลกดี แต่ผมก็ชอบ
การสืบตำราของท่าน โพ่โพ่อ่อง หรือพู่พู่อ่อง ก็ยังมีการคัดลอกสืบกันมา แต่อ่านเข้าใจยาก
อันนี้ผู้เขียนยังไม่เคยเห็น เพราะบรรณารักษ์บอกว่าถ้าอ่านเข้าใจง่ายก็คงไม่ใช่ของผู้วิเศษแล้วหล่ะ
ทำไมมหาว่านยาที่ใช้รักษาคนให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ กล่าวกันว่าประโยคสำคัญที่ว่า เอายานี้ไปด้วย เข้าป่าไปจะปลอดภัย จุดประสงค์เพราะเผื่อไว้ใช้ยาจำเป็นยามเกิดเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา
ด้วยอำนาจของพระเวทย์ที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่เพียงรักษาโรคร้าย แต่ยังช่วยในการรักษาชีวิตให้ปลอดภัยอีกด้วย
พกตัดตัวไปเผื่อไข้ได้กิน แต่ไม่ทันได้กินก็ปลอดภัย
จริงๆ มีอะไรอีกหลายอย่างที่กล่าวอีกไม่หมด เอาบนความนี้ยกไว้เป็นตอนที่ 1 ก่อนหล่ะดีไหม
อารมณ์ดีๆจะมาเล่าให้ฟังใหม่ ตอนสอง เรื่องเส่ต่อ ဆေးတော်
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น